เป็นเทคโนโลยีแสดงตนแบบไม่ต้องสัมผัสโดยใช้คลื่นความถี่วิทยุ
แท็ก RFID ดังกล่าวจะผนึกมากับสติ๊กเกอร์ที่ผู้เสียภาษีรถยนต์จะได้เอาไว้ติดที่กระจกหน้ารถ โดยแท็กดังกล่าวสามารถตรวจพบได้ด้วยอุปกรณ์ตรวจหาแท็กของเจ้าหน้าที่รัฐ (ซึ่งในอนาคตทางการมาเลเซียจะมีการใช้สัญญาณจากดาวเทียมเข้ามาร่วมใช้งานเพื่อการระบุตำแหน่งรถยนต์ด้วย) และหากใครคิดจะแกะมันออกหรือทำลายมัน ตัวแท็กก็จะสามารถส่งสัญญาณแจ้งเตือนไปให้อุปกรณ์ตรวจหาในบริเวณใกล้เคียงทราบได้ด้วย
เป้าหมายของการออกกฎนี้ ก็เพื่อใช้ประโยชน์จากแท็ก RFID ในการติดตามเส้นทางการวิ่งของรถยนต์ซึ่งอาจถูกนำไปใช้ในการกระทำผิดกฎหมาย นอกจากนี้หากมีการพัฒนาระบบแวดล้อมเพิ่มเติม ก็จะสามารถอาศัยข้อมูลจากแท็กเหล่านี้เพื่อวิเคราะห์สภาพการจราจรบนท้องถนนได้ รวมทั้งใช้แทนบัตรผ่านด่านต่างๆ คล้ายคลึงกับระบบ Easy Pass ของทางด่วนในประเทศไทย
ลองนึกดูว่าจะเป็นประโยชน์มากมายขนาดไหนหากเทคโนโลยีนี้ถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย
และตัวแท็กนี้ก็สามารถนำไปประยุกต์เพื่อให้เป็นประโยชน์ได้มากมายเลยทีเดียว ในอนาคต
เจ้าของรถอาจจะสามารถเข้าถึงแท็กของรถยนต์ตัวเองจากมือถือ เพื่อที่จะระบุตำแหน่งได้
และสามารถนำไปเก็บข้อมูลอื่นๆได้ เช่น อุณหภูมิ สภาพภูมิอากาศ ความเข้มของแสง
แม้กระทั่ง webcam ภายในรถหรือนอกรถ และเทคโนโลยีนี้จะเพิ่มความแม่นยำในการคํานวณ
สภาพการจราจรให้แม่นยำขึ้นด้วย
| ภาพแสดงสภาวะการจราจรจาก Google Map |
อย่างไรก็แล้วแต่ก็มีบางกลุ่มที่กล่าวถึงความไม่เป็นส่วนตัวของประชาชนที่จะโดนติดตามได้โดยง่าย
หากมีผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถแฮคเข้าสู่ระบบของทางการได้ ก็จะไม่เป็นผลดีแน่
แต่ทางการมาเลเซียยืนยันที่จะดำเนินการโครงการนี้ต่อไป โดยอนาคตไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ของชาวมาเลเซียเองหรือรถยนต์ที่ข้ามมาจากประเทศเพื่อนบ้าน และจะค่อยๆ เพิ่มการบังคับใช้กฎกับด่านชายแดนอื่นทั้งที่เชื่อมต่อกับไทย, บรูไน และอินโดนีเซีย จนครบภายในอีก 2 ปีข้างหน้า ส่วนรถยนต์ที่วิ่งอยู่ภายในประเทศมาเลเซียเองก็จะได้รับแท็ก RFID นี้จนครบทั้งหมดภายในปี 2018 ซึ่งคาดว่าถึงตอนนั้นจะมีรถยนต์ติดแท็ก RFID มากถึง 28 ล้านคัน
ที่มา : Blognone
No comments:
Post a Comment